ตามคติพราหมณ์และพุทธ เชื่อว่า สังข์เป็นหนึ่งในสี่ อาวุธ ของพระนารายณ์ สังข์หมายถึง การได้รับชัยชนะตลอดกาล สังข์ จัดได้ว่าเป็น ของมงคลชั้นสูง ๑ ใน ๘ ประการ ที่แทน พระวรกายของพระพุทธเจ้า ส่วนของสังข์นั้น แทน “พระเกศาของพระพุทธองค์” มีฤทธิ์พลังได้เองตามธรรมชาติ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ และ เสริมบารมีฐานะ แก่ผู้ครอบครอง
เชื่อกันว่า คนที่ดวงตกให้เอาน้ำมนต์ใส่ไปในสังข์ และนำน้ำมนต์นั้นมารดตัวเอง สามารถขจัดปัดเป่าสิงไม่ดีต่างๆออกไปได้ รวมไปถึงคนที่โดนคุณไสยก็ช่วยได้เช่นกัน
ความเชื่อของการบูชาสังข์มีบางประการดังนี้คือ
๑.มีความอุดมสมบูรณ์ ไม่ขาดแคลนเงินทอง อาหาร ที่อยู่อาศัยที่สุขสบาย
๒.นำความสงบสุขร่มเย็นมาสู่เคหะสถาน
๓.นำความร่ำรวยมาสู่เคหะสถานบ้านเรือน
๔.น้ำที่บรรจุในสังข์เมื่อตั้งทิ้งไว้หนึ่งคืนจะกลายเป็นน้ำมนต์
๕.นำความปรองดองและความสดชื่นแก่คู่รัก
๖.ทำให้มีสติปัญญา มีความทรงจำดี มีปฏิพานอันประเสริฐ
๗.ป้องกันจากมนต์ดำ คุณไสยทั้งปวง
๘.น้ำจากสังข์สามารถขับไล่สิ่งอัปมงคลทั้งปวง
๙.เสียงจากสังข์สามารถอัญเชิญเทพชั้นสูงลงมาจากสวรรค์ได้
ทางวิทยาศาสตร์ เสียงของสังข์ที่เป่า สามารถกระตุ้นเซลล์หรือพลังงานภายในร่างกาย และ จิตวิญญาณเกิดสมาธิได้ดีเพราะความถี่ของเสียงเสียงจากสังข์ ช่วยในการบำบัดได้
สำหรับสังข์ขอนเล็กๆ แบบนี้ นิยมเลี่ยมและนำมาห้อยคอ ไม่สามารถใช้เป่าได้ ส่วนใหญ่นิยมบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลประจำตน ส่วนสังข์ที่ใช้ทั่วไป จะมีขนาดใหญ่กว่านี้ สังข์ที่ใช้บูชาต้องเป็นสังข์ที่มีรอยนิ้ว (รอยพระหัตถ์ของพระวิษณุ) มักชอบเรียกกันว่าสังข์อินเดีย แต่จริงๆแล้ว พบในหลายพื้นที่ทั่วโลก สังข์ที่เวียนขวา มักจะเรียกว่า “มหาสังข์” จะหายากมากๆ ราคาบูชาหลักล้าน
รองลงมาคือ “สังข์สุวรรณภูมิ” หรือ สังข์อันดามัน ซึ่งเชื่อว่า น่าจะสูญพันธ์ไปแล้ว เพราะหลังจากเกิด คลื่นยักษ์สึนามิในวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๗ ก็ไม่เคยพบ “สังข์สุวรรณภูมิ” อีกเลยนับเวลาถึงวันนี้ ก็ราว ๑๖ ปี ล่วงมาแล้ว ซึ่งปัจจุบัน “สังข์สุวรรณภูมิ มีราคาอยู่ที่ราวๆ ครึ่งล้านบาท
ส่วนสังข์ตามภาพสวยๆ ราคาไม่กี่ร้อยบาท ส่วนถ้าจะแพงก็ตรงนำไปเลี่ยมนี่ล่ะครับ
