เป็นพลเมือง-ทหารของนครรัฐกรีกโบราณ ซึ่งติดอาวุธด้วยหอกและโล่เป็นหลัก ยุทธวิธีหลัก คือ รูปขบวนแฟแลงซ์ (phalanx formation) ทหารเหล่านี้เป็นพลเมืองอิสระเป็นหลัก มีคุณสมบัติเป็นเกษตรกรและช่างศิลป์ซึ่งสามารถหาซื้อชุดเกราะและอาวุธสำริดได้ ซึ่งประเมินว่ามีหนึ่งในสามถึงกึ่งหนึ่งของประชากรชายผู้ใหญ่ฉกรรจ์ โดยทั่วไปฮอปไลต์ได้รับการฝึกทหารพื้นฐาน
ใน 690 ปีก่อน ค.ศ. กองทัพสปาร์ตาใช้นวัตกรรมทางทหารเรียก รูปขบวนแฟลแลงซ์ ยุทธวิธีใหม่นี้พิสูจน์ว่าประสบผลดีระหว่าง ยุทธการที่มาราธอน (the Battle of Marathon)ใน 490 ปีก่อน ค.ศ. และยุทธการที่Plataea ใน 479 ปีก่อน ค.ศ. เมื่อกรีกพิชิตเปอร์เซีย พลธนูและทหารเบาเปอร์เซียซึ่งรบในยุทธการที่มาราธอนล้มเหลว ส่วนหนึ่งเพราะลูกธนูเปอร์เซียอ่อนแอเกินกว่าจะเจาะทะลวงโล่และชุดเกราะของกรีกได้ และชุดเกราะของเปอร์เซียไม่สามารถปกป้องหอกและดาบที่ยาวกว่าของกรีก
ที่ Athens จะมีกฎบังคับให้ ผู้ชายอายุ 18-20 ต้องมาเป็นทหาร แต่หากเกิดสงคราม ผู้ชายทุกคนที่มีอายุ ไม่เกิน 60 ปี ต้องถูกเกณฑ์มาช่วยในการรบ โดยปกติแล้ว Hoplite มักไม่ใช่ทหารมือาชีพ เพราะมักไม่ค่อยได้รับการฝึกยุทธวิธีทางการรบ ยกเว้น นักรบในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งที่เป็นกลุ่มของทหารที่มีความเชี่ยวชาญในการรบอย่างยิ่ง เพราะ ชายหนุ่มที่มีอายุ 20 ขึ้นไปทุกคนจะต้องเป็นนักรบมืออาชีพ ตลอดจนลมหายใจวันสุดท้าย เรารู้จักกันในชื่อ นักรบของเมือง Sparta
ในอดีตพบหลักฐานว่า Hoplite ได้ใช้โล่ห์เป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญในการรบ ซึ่งปรากฏหลักฐานรูปที่ แจกันโบราณ Chigi Vase ว่า หนึ่งในรูปที่นิยมเขียนไว้บนโล่ห์ คือ รูปของ “กอร์กอน” ที่ในสมัยโบราณ นับถือเชื่อว่าเป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจ ใช้ในการปกป้องพิทักษ์จาก สิ่งไม่ดีและ พลังงานลบต่างๆ นอกจากที่โล่ห์แล้ว ยังพบสัญลักษณ์นี้ที่ เสื้อเกราะของนักรบ ,หน้าบันประตูโบสถ์ , หน้าประตูบ้าน และ แม้แต่ ประตูของพระราชวังในประเทศไทยบางแห่ง ถ้าสังเกตุให้ดี ก็ยังมีหลักฐานปรากฏให้เห็นอยู่จนถึงปัจจุบันนี้
